15 Tips and Tricks ในการเตรียมตัวไปอเมริกา! เตรียมตัวยังไงให้ไม่พลาด

รู้สึกตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง เพราะครั้งนี้ไปประเทศหาอำนาจอย่างอเมริกา รู้สึกว่าเข้าถึงยากในความรู้สึกเราตั้งแต่ไปขอวีซ่าแบบ 2 นาทีเสร็จ รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิปดีคนใหม่ที่แทบจะเปลี่ยนเกือบทุกอย่างนี่ยังกังวลว่าจะเข้าประเทศได้มั๊ย ตม.จะถามอะไรเยอะมั๊ย การเดินทางจะลำบากมั๊ยเพราะต้องลากกระเป๋า 2 ใบใหญ่ ฮือๆๆๆ ชีวิตของนักเดินทางก็งี้ เพราะต้องแวะเดินเล่นสิงคโปร์ก่อนแล้วค่อยต่อไปอเมริกาไง ยาวๆ 20วันเอ๊งงงงแกร๊ 

เอ๊า!!!เข้าเรื่อง เนื่องจากทริปนี้ไปยาว (จริงๆอยากอยู่ต่ออีกซักเดือนแต่เป็นโรคทรัพย์จางเลยขอกลับบ้านไปกินมาม่าแล้วค่อยมาใหม่ 555) แล้วเราจะต้องเตรียมตัวยังไงไม่ให้พลาดหล่ะ

1. เตรียมแผนการเดินทาง

เรื่องนี้สำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ว่าเราจะไปถึงสถานที่นั้นๆได้อย่างไร แล้วเราต้องไปด้วยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถทัวร์ แต่ถ้าใครชอบเดินทางแบบแบคแพคแบบไร้จุดหมายค่ำไหนนอนนั่น ข้อนี้อาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ จริงๆเราก็แบบนี้นะ แต่ต้องมีเวลาในการเดินทางพอสมควร แล้วก็อย่าลืมปริ้นแผนที่ หรือ ดาวน์โหลด Map offline และอย่าลืมเช็คเวลาเปิด-ปิดของสถานที่นั้นๆ ด้วย สิ่งเหล่านี้สำหรับการเดินทางต่างประเทศมันจำเป็นมาก เดี๋ยวจะหลงแล้วหลงอีกไม่ถึงที่หมายซะที

2. เตรียมเรื่องตั๋วเครื่องบิน

สำหรับเราข้อนี้ก็สำคัญยิ่งเพราะถ้าไม่มีการจองตั๋วทริปมันจะถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราจองตั๋วเดินทางแล้วละก็ ความฮึกเหิมในการวางแผนและทำสิ่งต่างๆจะตามมาทันที ราคาตั๋วเครื่องบินประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป นานๆจะเห็นหมื่นกว่าบาท และ ไม่เคยได้ราคานี้เพราะส่วนใหญ่มักจะให้เดินทางวันธรรมดา ที่ไม่ค่อยมีวันหยุดยาว ถึงแม้ใจจะอยากไปแค่ไหนแต่วันลามิมีชีวิตมนุษย์เงินเดือนช่างน่าสงสาร

สายการบินที่บินไปอเมริกาก็มีหลากหลายสายการบินอย่างเช่น กาต้าร์ เอมิเรตส์ เจแปนแอร์ไลน์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ หรือ EVA Air ที่เป็นสายการบินระดับ 5 ดาว ให้บริการแบบ Full Service ติด 1 ใน 10 ของสายการบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลก การบริการที่เป็นกันเอง สะดวกกับคนไทยเพราะแอร์พูดภาษไทยได้ อาหารบนเครื่องก็ถูกปากเสมือนว่านั่งทานอยู่ไทเป ตอนที่เราดูราคาของ EVA Air รูทอเมริการาคาใช้ได้เลยนะ ประมาณ 26,000 บาท แล้วแต่ช่วงที่เราจะไป มีหลายเมืองที่บินไปลง เช่น

– CHICAGO (O’HARE) (USA)

– GUAM (USA)

– HOUSTON (USA)

– LOS ANGELES (USA)               

– NEW YORK (USA)

– SAN FRANCISCO (USA)

  • SEATTLE (USA) 
  • ทุกเมืองแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน แต่ถ้าใครอยากจะแวะเที่ยวไต้หวันด้วยก็ 2 ประเทศในทริปเดียวก็ไม่เลวนะ ไหนๆก็ไปแล้ว แต่อย่าลืมดูวันลาด้วยนะคะว่าพอรึเปล่า คริๆ

ซึ่งทริปของเราบินลง LA แล้วกลับจาก NY งงมะ เค้าเที่ยวกันคนละโซนเราเล่นข้ามโซนฮะ ท่าจะบ้า!!!

*เรื่องการจองตั๋วเครื่องบินเราว่า “ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ” เราแนะนำว่าให้ท่อง เลข Passport เลขบัตรเครดิต เดือนปีที่หมดอายุ และ เลข cvv หลังบัตรไว้ค่ะ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเจอตั๋วราคาดีงาม สมองคุณจะทำงานอัตโนมัติ ศึกนี้ใครดีใครได้ค่ะ เราต้องสู้*

เทคนิคการเลือกตั๋วเครื่องบินและช่วงเวลาบิน

1 สำรวจงบประมาณของตัวเองว่าเพียงพอที่จะใช้บริการสายการบินนั้นหรือไม่

2 เมื่อเลือกสายการบินได้แล้วให้เลือกช่วงเวลาที่จะเดินทางทั้งเวลาที่ออกจากเมืองไทย รวมถึงระยะเวลาในการเปลี่ยนเครื่องด้วย โดยขาไปอาจจะเลือกช่วงเวลาบินกลางคืน ถึงที่นู่นตอนเช้าแล้วเที่ยวเลย ส่วนขากลับให้เลือกเที่ยวบินตอนกลางคืน เพราะจะได้เก็บตกวันสุดท้ายได้ด้วย

3 ดูความคุ้มค่าที่จะได้รับระหว่างการเดินทางบนเครื่องบิน หรือ สิ่งอำนวยความสะดวก อาหาร เครื่องดื่ม นั่นเอง

3. ตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

โดยอเมริกาเพิ่งออกกฎหมายห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน ติดตัวขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด (ต้องโหลดไปกับสัมภาระใต้เครื่องเท่านั้น) โดยมีผลกับเที่ยวบินตรงเข้าสู่สหรัฐฯ จาก 8 ประเทศตะวันออกกลาง โดยกระทบสายการบินหลักๆ อย่าง Emirates, Etihad, Qatar และ Turkish ด้วย ได้แก่

• เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

• แท็บเล็ต, ไอแพด

• เครื่องอ่าน eBook, Kindle

• เครื่องเล่นเกมทุกชนิด

• เครื่องเล่น CD, DVD

• กล้องถ่ายรูป, เลนส์

• อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน

ห้ามนำติดตัวขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด อุปกรณ์เหล่านี้ต้องทำการโหลดไปกับสัมภาระใต้ท้องเครื่องบินเมื่อทำการเช็กอินเท่านั้น ถึงกับเครียดเพราะการโหลดสิ่งเหล่านี้ใต้ท้องเครื่องนั้นเกรงว่ามันจะไม่กลับมาสภาพเดิมมากกกกกกก

9 สายการบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่

• Royal Jordanian

• Egypt Air

• Turkish Airlines

• Saudi Arabian Airlines

• Kuwait Airways

• Royal Air Maroc

• Qatar Airways

• Emirates

• Etihad Airways

ที่มา: บีบีซีไทย

 4. เตรียมเรื่องที่พัก

ที่พักนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว คงไม่มีอยากไปเที่ยวแล้วต้องนอนใต้ต้นไม้ ศาลารอรถริมทางหรือนอนวัด (ยกเว้นผู้ที่ชอบการผจญภัยแบบ backpack ไปเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั่น) ดังนั้นควรติดต่อประสานงานเรื่องการจองที่พักเอาไว้ให้แน่นอน จะรีสอร์ท โรงแรม บ้านพัก โฮมสเตย์ ก็ตามสะดวก

5. ประกันการเดินทาง 

มีให้เลือกหลายบริษัทมากราคาแตกต่างกันออกไป สำหรับเราไม่เน้นผลประโยชน์มากนักแค่ขอให้ขอวีซ่าได้และครอบคลุมจำนวนเวลาที่เราจะไปเป็นพอ

**แนะนำให้ซื้อประกันเครื่องบินดีเลย์ และ กระเป๋า เพิ่มเพราะต้องจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย เราก็จะได้ความมั่นใจมากขึ้น

6. ทำสำเนาหนังสือเดินทาง, บัตรประกันเดินทาง และ เอกสารสำคัญอื่น ๆ

ข้อนี้ถือว่าสำคัญนะคะ เพราะหากคุณทำ Passport หาย หรือโดนปล้น หากเรามีตัวสำเนาเก็บไว้อยู่ เราก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ หรือ ตั๋วรถไฟใหม่ หรือแม้แต่ตั๋วเครื่องบิน ได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าเราไม่มีสำเนาเก็บไว้ ณ จุดนั้น เราอาจจะตกใจทำอะไรไม่ถูกลืมทุกสิ่งอย่าง วิธีนี้ช่วยคุณได้นะคะ หรือ ถ่ายรูปเก็บไว้, สแกนไว้ในแท๊ปเล็ต, เซฟไว้ในแลปท็อป , ส่งเมลล์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เพื่อความปลอดภัย ก็ได้ค่ะ

7. หนังสืออ่านเล่น / คู่มือเดินทาง

เวลานั่งรถไฟนานๆ เราก็มักจะเบื่อ ง่วง หรือ เวลา เดินเยอะแล้วเมื่อย แวะนั่งร้านกาแฟ อ่านหนังสือ ชิวๆก็ผ่อนคลายได้ แต่อย่าลืมแวะถ่ายรูปวิวข้างทางนะ บางที่วิวก็สวยใช่เล่นเลย ส่วนคู่มือเดินทางนี่ก็สำคัญมันจะทำให้เรารู้ว่าเราต้องไปขึ้นรถ ลงเรือ ที่ไหน เมื่อไหร่ จะได้ไม่พลาด หรือ หลงน้อยลงน

8. แบตสำรอง / เมมโมรี่การ์ด

ไม่ว่าจะเป็นแบตสำรองของกล้อง, Power Bank , เมมโมรี่การ์ด เพื่อถ่ายรูปเยอะเยอะ แล้ว แบตหมด เมมโมรี่เต็มจะได้หยิบขึ้นมาถ่ายต่อได้เลย หากไปนานประมาณ 10-15 วันขึ้นไปควรจะพกเมมโมรี่การ์ดขนาด 32 GB หรือ 64 GBอย่างน้อย 2 อันขึ้นไป เพราะเราเน้นถ่ายรูป ถ่ายแทบทุกจุด แวะทุกที่ค่ะแล้วค่อยมาเลือกรูปเอา บางที่จำไม่ได้คืออะไร เน้นถ่ายไว้ก่อนค่ะ ทริปนี้เลยจัดมาแบบเน้นๆ 128 GB 2 อันดูซิตอนจบทริปจะได้มากี่รูป

9. กระเป๋าเดินทาง / กระเป๋าเป้ / กระเป๋าเดินทางใบเล็ก

การพกเป้ หรือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ไปเพิ่มอีกใบนั้นเพื่อว่าเวลาเราจะออกไปนอกเมือง จะได้ไม่ต้องขนของเยอะ โดยแยกของที่จำเป็นจะใช้ไป ส่วนที่เหลือเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ และ ฝากไว้ที่สถานีรถไฟค่ะ ซึ่งจะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น

กระเป๋าเดินทาง ควรเตรียมกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับปริมาณของที่ต้องเตรียมไป และควรเหมาะสมกับพาหนะที่ใช้ด้วย ถ้าขับรถไปเองก็ไม่มีใครว่าถ้าจะขนของไปหมดบ้าน แต่ถ้าเดินทางโดยเครื่องบินหรือรถโดยสาร ควรเลือกขนาดกระเป๋าให้เหมาะสม น้ำหนักกระเป๋าไม่เกินที่กำหนด ไม่ใช่ว่าจัดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สุดในชีวิตปวดหลังแน่นอน

10. ยารักษาโรค

พวกยาหอม ยาดม ยาแก้เมา ยาแก้แพ้ ใครรู้ว่าเป็นโรคประจำตัวอะไรเตรียมยาให้พร้อม เพราะเราไม่รู้ว่าระหว่างเดินทางจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เตรียมไว้ปลอดภัยกว่าค่ะ

11. เตรียมร่างกายตนเองให้พร้อม

แน่นอนว่าถ้าทุกอย่างพร้อม แต่คืนก่อนเดินทางมักจะตื่นเต้นนอนไม่หลับเสมอ เราเป็นตลอดเลย จริงๆคืนก่อนเดินทางควรนอนแต่หัวค่ำ ตื่นเช้าๆมาเช็คความพร้อมอีกครั้ง ทำกิจวัตรต่างๆให้เรียบร้อย พร้อมลุย เตรียมสนุกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าหากร่างกายไม่สดชื่นเราจะหมดสนุกกบการเดินทางทันที ไหนๆก็เสียเงินมาแล้วเราต้องเอาให้คุ้ม

12. เตรียมของใช้ส่วนตัวให้พร้อม

ของใช้ส่วนตัวนั้นควรเตรียมเอาไว้เป็นชุด แยกใส่กระเป๋าเล็กๆต่างหาก เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม มีดโกนหนวด ครีมประเทืองผิวต่างๆ ส่วนเสื้อผ้า รองเท้า ไฟฉายและอื่นๆ สามารถใส่ในกระเป๋าเดินทางหลักได้ บางคนชอบคิดว่าของพวกนี้ไปซื้อเอาข้างหน้าก็ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขายของพวกนี้โดยส่วนใหญ่จะแพงกว่าบ้านเรา โดยเฉพาะพวกที่เที่ยวที่เป็นเกาะ ที่ท่องเที่ยวเล็กๆหลายที่หาซื้อไม่ได้ 

13. เตรียมเงิน

ปัจจัยสำคัญของทริปทุกทริปเลยนะเงินเนี่ย ควรเตรียมเงินสดให้เพียงพอต่อการเดินทาง ยกเว้นว่าปลายทางของเราเป็นเมืองใหญ่ มีธนาคาร มีตู้ ATM หรือ รับบัตรเครดิตแน่นอน แบบนี้เราเตรียมไปแค่พอติดกระเป๋าเพื่อซื้อน้ำซื้อขนมก็คงได้ แต่ถ้าไม่ใช่ เราต้องคำนวณให้ดีว่าเราต้องใช้เงินเท่าไหร่และควรเตรียมไว้ให้พอ เรื่องสำคัญที่สุดในการพกเงินเดินทางไกลคือ การแยกเก็บเงินหลายจุด เช่น แยกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์บางส่วน ไม่ต้องมาก แยกเก็บไว้ในกระเป๋าใหญ่ แยกเก็บในกระเป๋าเล็กๆสำหรับของใช้ส่วนตัว แยกเป็นเงินสดเก็บในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อ เป็นต้น อย่างน้อยต้องมั่นใจว่าถ้ากระเป๋าใบใดใบหนึ่งสูญหาย เราจะยังมีเงินเหลือพอสำหรับท่องเที่ยวหรือสำหรับเดินทางกลับมานอนระทมที่บ้านได้

14. เตรียมของกิน

อันนี้ก็สำคัญยิ่งสำหรับการไปเที่ยวถือเป็นการประหยัดไปอีกแบบ  โดยเฉพาะมาม่าที่เราพกไปเกือบทุกทริป ขนมที่ชอบ ประหยัดไปได้เยอะ แต่เราก็ยังต้องไปลองอาหารบ้านเค้านะ นี่ก็แพลนร้านอาหารไว้หลายที่แป้งล้วนๆ เอาให้อ้วนกันไปข้างหนึ่ง กลับมาตัวกลมเลย ควรเตรียมอาหารแห้งไปนะคะ อาหารสดไม่ควรอาจจะส่งกลิ่นเหม็นบนเครื่องบินได้

15. พร้อมที่จะเรียนรู้ สนุกนานกับการเดินทาง ทดลองอาหารบ้านเค้าบ้าง 

“Enjoy Your Life and your eat” เมื่อเราเดินทางคนเดียวอาหารการกินนั้นถือเป็นเรื่องง่าย เพราะกินที่ไหนก็ได้ หลายคนกลัวว่าจะกินอาหารบ้านเค้าไม่ได้พกจากบ้านเราไปเต็มกระเป๋า เราว่าดีนะเป็นการประหยัดงบการเดินทาง แต่เรามองว่าไหนๆ เราก็ไปแล้วควรจะลองอาหารบ้านเค้าบ้างเพื่อให้รู้ว่าเป็นอย่างไร “ลองเพื่อรู้” เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบอาหารฝรั่งเท่าไหร่แต่เราพยายามลองให้ได้มากที่สุด พกอาหารจากบ้านไปให้น้อยที่สุด เพราะเราคิดว่ายังได้กลับมาบ้านก็ได้กินอยู่ดี

เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางได้เลยทริปอเมริกาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ไว้จะเอารูปสวยๆ วิวงามๆ มาฝากนะคะ 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s